
เดี๋ยวก่อนนะ ใจเย็นๆ ถ้ามันเป็นอาชีพเปิดเผยความลับสวรรค์ แล้วทำไมสวรรค์ถึงเลือกเรามาเป็นผู้เปิดเผยความลับสวรรค์ แล้วสวรรค์ทำไมไม่ดูแลความลับให้ดีล่ะครับ เรามาทำความเข้าใจกันใหม่ก่อนนะครับ
ว่า
1.สวรรค์ไม่อ่อนแอขนาดนั้น ถึงได้มีข้อสอบรั่ว ความลับหลุดออกมาได้
ฟ้าก็ยังเป็นฟ้า สวรรค์ก็ยังเป็นสวรรค์ มนุษย์เราเริ่มสังเกตุจังหวะฟ้าเพื่อรู้จักฤดูกาล จนเข้ามาสู่จังหวะปลูกพืช จังหวะเก็บเกี่ยว จนมาถึงจังหวะชีวิต
ฟ้าก็ยังมีอะไรอีกมากมายที่เราอ่านไม่ออกแต่สิ่งที่เราอ่านออกทายได้เพราะมันคือธรรมชาติ เราเอาธรรมชาติมาทาย เช่น กฎของธาตุทั้งสี่ ของฤดูกาล ของชนชั้น เอามาอุปมาอุปมัยจนกลายเป็นวิธีการทำนาย โดยการใช้เครื่องมือต่างๆเช่นไพ่ วิถีโคจรของดวงดาว
การเปรียบเทียบ อุปมาอุปมัยนี่เราใช้กันมากเลยครับ ในการสร้างไพ่และการอ่านไพ่ ความลับของมันคือวิธีอ่าน ไม่ใช่ความลับของฟ้าอะไร เพราะนักพยากรณ์ตะวันตกเขาปฎิเสธปาฎิหาริย์ เขาใช้ปรากฎการณ์ธรรมชาตินี่แหละ มาทำนาย
เรื่องราวของการพยากรณ์มันมีมากว่า5,000ปี เริ่มตั้งแต่ตะวันออกกลางแถวแม่น้ำไทกริส-ยูเฟติส ที่เริ่มจากการเห็นว่าเมื่อดาวดวงนี้ปรากฎก็ถึงฤดูฝน เมื่อดาวนี้ผิดปกติก็จะเจอกับน้ำท่วม จนไปถึงว่า เมื่อพระจันทร์เต็มดวง น้ำก็จะขึ้น แล้วก็จดบันทึกส่งต่อๆกันมา
ความรู้ด้านนี้ส่งต่อมายังเหล่านักบวช ที่ทำหน้าที่ค้นคว้า สังเกตุ และรวบรวมข้อมูล เพื่อประกาศว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาเพาะปลูก เมื่อไหร่จะถึงเวลาเก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ธรรมชาติมีผลต่อคนทั้งประเทศ
และต่อมาได้เอามาใช้ทำนายเหตุการณ์สงคราม และต่อมาก็ทำนายชีวิตของกษัตริย์ แล้วในที่สุดก็ทำนายชีวิตเจ้านายและลงมาสู่คนทั่วไป
กว่าจะลงมาถึงการทำนายชีวิตคนก็ใช้เวลาเป็นพันๆปีเหมือนกัน
การทำนายเราใช้การอุปมาอุปมัย การเปรียบเทียบ ซึ่งในสมัยโบราณนานนมก็มีปรัชญาว่า as above so below ซึ่งแปลว่าเบื้องบนเป็นเช่นไร เบื้องล่างย่อมเป็นเช่นนั้น
ซึ่งมันกลายมาเป็นปรัชญาโหราศาสตร์ว่า บนท้องฟ้าเป็นเช่นไร เหตุการณ์บนโลกก็เป็นเช่นนั้น ปรัชญานี้เอามาทายเหตุการณ์ต่างๆบนโลกใบนี้ด้วยการสังเกตุจากดวงดาวว่าดวงดาวมีปรากฎการณ์อย่างไร โลกมนุษย์ก็จะมีปรากฎการณ์ทำนองนั้นด้วย
และก็มีอีกปรัชญาคือ ปรมันต์ ปรมาตมันต์ อันแปลว่า สิ่งใหญ่ๆก็เป็นเหมือนสิ่งเล็กๆ สิ่งเล็กๆก็เป็นเหมือนสิ่งใหญ่ๆ ปรัชญานี้ทำให้เราเข้าใจในเชิงเปรียบเทียบสิ่งเล็กๆกับสิ่งใหญ่ๆเหมือนเป็นแบบจำลองของกันและกัน การวางดวงคือแบบจำลองของชีวิต การวางไพ่คือแบบจำลองของชีวิต การอ่านสัญลักษณ์คือแบบจำลองของชะตา
วิทยาการทางการทำนายมันก็พัฒนามาจากทางนี้ ไม่ได้ไปแอบเปิดความลับของสวรรค์เหมือนเห้งเจียทำตอนไปถล่มสวรรค์สักหน่อย
2.เราไม่ได้มีบุญญาธิการขนาดล้วงความลับสวรรค์ได้ เราเป็นใครมาจากไหนเหรอครับ ทำบุญบารมีระดับไหน ถึงเอามาเชื่อมั่นว่าเราล้วงความลับสวรรค์ได้ นอกจากมโนเอาเอง อย่างมากสุดที่เราทำได้คือกินเนื้อสวรรค์บนชิงช้าสวรรค์เท่านั้นแหละครับ
แหม ถ้ามีบุญขนาดนั้นคงเป็นคนเหนือกรรม ร่ำรวย ประสบความสำเร็จเกินคนอื่นไปแล้ว แต่นี่ก็ยังทุกข์ร้อนพอๆกันตามประสาของคนแหละครับ
3.สิ่งที่ปรากฎเป็นความรู้ที่สั่งสมมาตั้งแต่โบราญ มันเป็นศาสตร์มันเป็นวิชาการ เหมือนที่บอกในข้อ1
ดังนั้น มันก็เป็นแค่วิชาวิชาหนึ่งที่มีความซับซ้อน ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการอ่านดวงเพื่อออกคำทำนาย
ศาสตร์นี่เรียนรู้กันได้ มีตำราให้อ่านให้ค้นคว้ากัน แต่ศิลป์นี่มันเรียนรู้ยาก จึงต้องมีครูมาช่วยผ่อนแรงในภาคปฎิบัติ
จึงอย่ากังวลกับการเรียนศาสตร์นี้ เพราะศาสตร์นี้ก็เหมือนกับศาสตร์อื่นที่ถ้าทำดีมันก็ต้องได้ดีครับ
เขียนโดย อาจารย์กามล แสงวงศ์
ข้อมูลจาก https://www.facebook.com/gtkamon