1.กลัวกังวล
ผมเห็นหลายรายที่พอลูกค้าเข้ามา ก็รีบเก็บข้าวของลุกออกจากโต๊ะ พอถามว่าทำไม ก็บอกว่ากลัวลูกค้า
การกลัวลูกค้าของบางคนมาจากกลัวทายไม่แม่นแล้วลูกค้าแย้งจนอับอายขายหน้า
การออกคำทำนายมันเกี่ยวโยงกับชีวิตคนอื่น จึงต้องรับผิดชอบให้มาก เมื่อมากก็ต้องเครียดต้องกลัว แต่จริงๆแล้วเราต้องย้อนกลับมายังความรู้พื้นฐานของตัวเอง ว่าที่เรียนมา เราจำหรือเราเข้าใจ เราเข้าใจไปเองหรือเราเข้าใจเหมือนครู
ผมเองเป็นครูสอนไพ่ยิปซีมาตั้งแต่ปี2538จนถึงปัจจุบัน ผ่านลูกศิษย์มาหลายรุ่น รวมๆแล้วก็น่าจะหลายพันคน สิ่งที่ผมปวดหัวมากที่สุดคือลูกศิษย์นั่งเรียนเงียบๆไม่ถามไม่ส่งการบ้าน ถามว่าเข้าใจมั๊ยก็ไม่ตอบ แต่วันดีคืนดีก็กลายเป็นหมอดู ซึ่งสำหรับผม ถ้าเขาออกจากผมแล้วไปเรียนกับครูคนอื่นเลยเก่งเข้าใจจึงออกมาทำอาชีพก็แล้วไป แต่ถ้าออกมาทำนายแบบที่ในใจก็รู้ว่าตนเองไม่รู้มากพอนี่ผมก็เครียด เพราะผมเองก็อยากให้วงการนี้ถูกสังคมยกย่องเชิดชูว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติควรแก่การเคารพอย่างแท้จริง
อยากทำนายแม่นไม่ยากเลย แค่กลับไปทบทวนพื้นฐานว่าเข้าใจมากพอหรือไม่ กลับไปหาครู ส่งกรณีตัวอย่างที่ตนเองเคยทำนายแล้วขอคำแนะนำ ครูของคุณน่าจะพร้อมที่จะช่วยเหลืออยู่แล้ว
ส่วนกลัวเพราะเรียนมาน้อย ก็ไม่ต้องกลัว อันความรู้ รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว ขอให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล
เอาจริงเอาจังให้เก่งจริงเถิด รับรองว่าต้องไปได้
ความรู้คืออำนาจ มีความรู้ที่รู้จริง พิสูจน์ได้ ก็มีความเชื่อมั่นขึ้นมาเอง
ความรู้คืออาภรณ์อันสวยงามของคุณ ที่จะขับให้คุณโดดเด่นในสังคม
2.ไม่มีมารยาท
เรื่องกาละเทศะนี่ต้องมี และสอนยากมาก เพราะมันจุกจิกตั้งแต่การแต่งกาย คำพูด
เริ่มตั้งแต่การแต่งกายให้สะอาด สุภาพ สบายหูสบายตาผู้พบเห็น ที่เหลือจะเว่อร์วังอลังการใดๆก็อยู่ที่งาน
ร่างกายของเราก็ควรดูแล ผมเผ้า หนวดเครา เล็บ
ปาก:ถ้าฟันผุก็ไปอุดฟันเสีย แปรงสีฟันควรพกติดตัว ถ้าไม่มี หลังทานอาหารไปบ้วนปากหน่อยก็ยังดี ไม่ใช่ยิ้มทีลูกค้าเห็นคะน้าหมูกรอบครบนี่ก็น่าสะพรึงเกินไป
ผมได้ยินลูกค้าบางคนมาเล่าเรื่องหมอดูนั่งสางเหาไปคุยไป หรือก้มหน้าก้มตาแคะขี้เล็บไปทำนายไป อย่าคิดว่ามันเป็นจุดขายเลย เราไม่ใช่ลิงอุรังอุตังที่จะช่วยกันเก็บเห็บเก็บเหามาแบ่งกันกินเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี
เรื่องน้ำหอมนี่ก็สำคัญ บางคนใช้น้ำหอมที่ฉุนมากจนลูกค้าเอามานินทาให้ฟังว่าเวียนหัวไปหมดเลยค่ะคุณหมอ ฟังคำทำนายไม่รู้เรื่องเลย รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นยุงโดนไบก้อนยังไงไม่รู้
คำพูดก็เช่นกัน ควรระมัดระวังอย่าหยาบคาย อย่าตบโต๊ะ อย่าพูดเรื่องที่ลูกค้าไม่ชอบ บางคนได้งานอีเว้นต์ในห้างใหญ่ แล้วไปทายแต่เรื่องภูติผีปีศาจจนลูกค้าไปฟ้องผู้จัดงานจึงถูกเชิญกลับตั้งแต่วันแรกก็มีมาแล้ว
ความมีมารยาทรู้ว่าสิ่งใดควรพูดสิ่งใดไม่ควรพูดนี่ไม่ยาก ให้ทายเฉพาะที่รู้ ส่วนบางสิ่งที่รู้แล้วพูดออกไปมันไม่ดีก็อย่าพูด อย่างผัวเมียมาด้วยกันคุณพูดว่าเมียเขามีชู้นี่คิดให้ดีว่าพูดไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
หรือมีรายหนึ่งทายเรื่องความรักอยู่ ลูกค้าก็พูดขึ้นมาว่า ไม่อยากฟังเรื่องความรัก เขาอยากฟังเรื่องธุรกิจที่กำลังทำอยู่ หมอดูก็ไปเถียงเขาว่า ตนเองชอบทายเรื่องความรัก
หมอดูบางคนก็ชอบอวดชอบโชว์ ทายสิ่งไม่ดีของลูกค้าเสียงดังลั่นงานจนลูกค้าอับอาย อย่าทำแบบนั้น เดี๋ยวเขาจะหาว่าเรามีปมด้อยที่ตอนเด็กไม่เคยได้รับการสั่งสอนจากพ่อแม่
การรู้จักดูตาม้าตาเรือนี่สำคัญมาก ถ้าไม่มีไหวพริบก็อย่าพูดอะไรมาก จำไว้ว่าปลาหมอตายเพราะปาก ปลาหมอดูตายอนาถกว่า
อีกทั้งมารยาทต่อกันในหมู่หมอดูก็ควรมี แค่คนนอกเขาดูถูกนี่ก็แย่อยู่แล้ว นี่ยังมาอิจฉาริษยากันอีกเพื่ออะไร จะว่าเพื่อแย่งลูกค้ากันรึ ลูกค้าก็มีเต็มประเทศ คนเป็นล้านดูตลอดชีวิตก็ไม่หมด
ทำไมไม่ช่วยเหลือกัน เมตตาต่อกัน คนที่ช่วยคนอื่นก็มักจะอยู่สูงกว่าคนอื่นอยู่แล้ว ข่มเหงกันทำไม
3.คิดถึงแต่เรื่องเงิน
สำหรับผม เงินสำคัญ แต่ถ้าเราตั้งเป้าการทำงานไว้ที่เงิน เราจะเครียดกับชีวิต เพราะบางวันได้เงินก็ดีใจ บางวันไม่ได้เงินก็เสียใจ
สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือเกียรติ ศักดิ์ศรีที่ได้ทำงานที่มีคุณภาพออกไป ถ้าทุกคนคิดว่า คำทำนายของตนเองคือการทำบุญเพราะเรากำลังช่วยเหลือคนอยู่
ทำงานให้ดีที่สุด ให้ลูกค้าประทับใจในการให้คำปรึกษาของเรา
เมื่อผลงานเราดี ก็จะเกิดการบอกต่อ แล้วเงินทองก็จะตามมาเอง
โลกนี้ขาดแคลนมืออาชีพ มืออาชีพคือผู้ที่ยืนอยู่ข้างบนของปิระมิดแห่งเงินทอง
4.เชื่อมั่นมากเกินไป
การทำนายต้องมีเหตุมีผลลูกค้าถึงจะศรัทธา การทำนายที่แม่นยำเกิดจากการตั้งสมมุติฐานหลายๆข้อก่อนตอบ
ถ้าจะทายว่าปีนี้มีการตาย การตายโดยปรัชญามันแปลได้หลายอย่างเราจึงควรตรวจสอบก่อนออกคำทำนายว่า ในดวงมีการพลัดพรากจากกันมั๊ย มีความโศกเศร้ามั๊ย มีเรื่องการจัดการเอกสารอะไรมั๊ย มีพิธีกรรมอะไรในบ้านมั๊ย แล้วถามเขาบ้างว่าในบ้านมีคนสูงอายุมากๆ หรือป่วยหนักหรือไม่ ใจเย็นๆ อย่าออกคำทำนายก่อนที่จะพิจารณาอย่างรอบคอบ
ความเชื่อมั่นที่มากเกินไปจะทำให้เราไม่ฟังความเห็นของลูกค้า ยอมรับความเห็นต่างของลูกค้าไม่ได้ หนักเข้าก็จะใช้อารมณ์ และกดดันลูกค้า เป็นการตัดอนาคตตัวเอง
5.เจ้าอารมณ์
หมอดูต้องเป็นเหมือนต้นไม้ใหญ่อันร่มเย็น ลูกค้าเดินฝ่าแดดร้อนของความทุกข์จะได้พักหายใจหายคอจากเรา
ดังนั้นก่อนจะออกมาทำงานจงเตรียมอารมณ์จิตใจให้แช่มชื่นมีความสุข ลูกค้าจะได้ได้รับความสุขของเราไปด้วย อย่าให้เขาได้รับความหงุดหงิดทุกข์ใจเพิ่มขึ้นจากเรา แค่ทุกข์ของเขามันก็มากพอแล้ว
หมอดูที่มีความทุกข์ จัดการกับอารมณ์หงิดหงิดโมโหเสียใจไม่ได้ แล้วจะมีกระจิตกระใจอะไรไปแก้ไขให้ชาวบ้าน
หมอดูต้องมีพลังมากกว่าคนอื่น จึงจะแบ่งพลังให้ลูกค้าได้ หมั่นทำบุญสร้่างกุศลรักษาศีลนั่งสมาธิ อารมณ์จะได้นิ่งขึ้น
6.ไม่รู้จักปล่อยวาง
ปัญหาที่ลูกค้านำมามีร้อยแปดพันประการ ถ้าฟังแล้วรับมาเป็นปัญหาของตัวเองก็จะไม่มีความสุข บางคนกลับบ้านไปแทนที่จะปล่อยวาง กลับเอาเรื่องของลูกค้ามากลุ้มใจนอนไม่หลับ นานๆไปก็ป่วย
หลวงพ่อชาเคยสอนพระวัดหนองป่าพงว่า ต้องทำตัวเหมือนถังขยะก้นรั่ว คือรับขยะจากคนอื่นแล้วก็ปล่อยมันออกไป
หมอดูก็ต้องเป็นแบบนั้น เวลาให้คำปรึกษา เราทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และเมื่อลูกค้าเดินออกไป จงวางมันไว้ตรงนั้น อย่าเก็บมาทำลายพลังด้านบวกของตัวเอง
และถ้าเป็นไปได้ก็ให้ฝึกล้างพลังงานด้านลบออกไปจากชีวิตด้วยกิจกรรมดีๆไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย นั่งสมาธิ สั่งจิตใต้สำนึก สปาร์อารมณ์
7.ไม่เข้าใจโลก
โลกนี้มันไม่แน่ไม่นอน เดี๋ยวรักเดี๋ยวชัง เดี๋ยวดังเดี๋ยวดับ อย่าคาดคั้นเอาเป็นเอาตายกับมัน จงมีความสุขในขณะนี้
ลูกค้าที่อยู่ตรงหน้าเราขณะนี้คือคนที่สำคัญที่สุดที่เราต้องดูแลไม่ใช่คิดถึงแฟนที่อยู่ต่างประเทศ อาหารที่อยู่ตรงหน้าคือความอร่อยที่เราได้ลิ้มรสไม่ใช่อาหารที่เขากินกันในงานเลี้ยงอีกที่ที่เขาไม่เชิญเรา
ใช้เวลาขณะนี้ให้คุ้มค่า อย่าปล่อยทิ้งไป เลือกทุกอย่างด้วยตนเอง จะได้ไม่ตีโพยตีพายเมื่อไม่ได้ดั่งใจ ยอมรับผลของมันอย่างเข้าใจ
โลกไม่ได้เป็นของเราคนเดียว มันจึงไม่ได้ดั่งใจเรา แต่โลกในใจเรา ทุกข์สุขเราเลือกที่จะเห็นจะรับเข้ามาได้
ใส่ใจกับหัวใจตนเอง แล้วการแปรปรวนของโลกก็จะเบียดเบียนความสุขของเราไม่ได้
ที่มา:
เขียนโดย อาจารย์กามล แสงวงศ์
ข้อมูลจาก https://www.facebook.com/gtkamon